อาจารย์สถาปัตย์ เชียร์อ่าน ‘ชลารักษ์บพิตร’ ฉายภาพจัดการน้ำ จากยุคเก่าสู่ยุคใหม่บนความท้าทายของโลก

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ห้องสามศร 1 อาคารรำไพพรรณี ชั้น 6 พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดงานเสวนา “ฉลองราชย์ เฉลิมพระชนมวาร” ว่าด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์หลากหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับ ‘พระมหากษัตริย์ไทย’ ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ

บรรยากาศตั้งแต่เวลา 13.00 น. มีนักวิชาการ ตลอดจนประชาชน ทยอยเดินทางมาร่วมลงทะเบียนอย่างล้นหลาม พร้อมรับหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษ โดยมีผู้บริหารเครือมติชน ให้การต้อนรับ

ผู้เข้าร่วมพากันเลือกซื้อหนังสือ ‘ชุดประวัติศาสตร์ราชสำนักไทย’ จากสำนักพิมพ์มติชน ที่จัดโปรโมชั่นวางจำหน่ายในราคาสุดพิเศษ โดยหนังสือชุดกษัตราธิราช ซื้อเล่มเดี่ยวลด 15% อาทิ ‘ธำรงรัฐกษัตรา: เบื้องหลังอำนาจประวัติศาสตร์ความมั่นคงไทย’ โดย อดินันท์ พรหมพันธ์ใจ คำนำเสนอโดย ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ลดเหลือ 328 บาท จาก 385 บาท

‘ชลารักษ์บพิตร: การจัดการน้ำของกษัตริย์ไทยจากพิธีกรรมสู่การพัฒนา’ โดย อาสา คำภา และทิพย์พาพร อินคุ้ม ลดเหลือ 272 บาท จาก 320 บาท, ‘สถิตสายขัตติยราช: ธรรมเนียมการสืบราชสมบัติไทย’ โดย นนทพร อยู่มั่งมี ลดเหลือ 268 บาท จาก 315 บาท ทั้งนี้ หากซื้อครบชุด (3 เล่ม) ราคา 860 บาท (จากราคาเต็ม 1,020 บาท) รับฟรีหนังสือพร้อมกล่องสกรีนลายพิเศษ

บรรยากาศเวลา 13.30 น. ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ตลอดจนพระราชพิธี และผู้เขียนคำนำหนังสือ “ธำรงรัฐกษัตรา: เบื้องหลังอำนาจประวัติศาสตร์ความมั่นคงไทย” พร้อมด้วย รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในหัวข้อ “ธรรมเนียมการฉลองอายุ”

จากนั้น เมื่อเวลา 15.00 น. มีเสวนาหัวข้อ ‘กษัตราธิราช’ โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่

รศ.ดร.เกรียงไกรกล่าวว่า ซีรีส์ของหนังสือชุดนี้มีความน่าสนใจ โดยที่เรื่องการจัดการน้ำเป็นภาพที่ถูกให้ความสำคัญในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยาวนาน เพราะเราเป็นสังคมเกษตรกรรม กษัตริย์มีบทบาทในการอำนวยให้เกิดการทำเกษตรกรรม การจัดการน้ำจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ

“สิ่งที่น่าสนใจจากการอ่านหนังสือเรื่อง ชลารักษ์บพิตร เล่มนี้ คือ การได้ประโยชน์ในมิติด้านพัฒนาการของพื้นที่สังคม แล้วนำมาสู่วัฒนธรรม เพราะน้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญสำหรับสังคมเกษตรกรรม เกี่ยวกับเรื่องข้าว ปลา อาหาร ซึ่งเป็นความมั่นคงในรูปแบบหนึ่งของรัฐยุคโบราณ
หนังสือเปิดมาด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ เห็นได้ชัด คือ ยุคอยุธยาซึ่งมีแนวคิดที่กษัตริย์มีบทบาทในการบริหารจัดหารน้ำ แต่อีกแง่หนึ่งเราก็ยังคงมีข้อจำกัดในด้านการจัดการน้ำในระดับหนึ่ง” รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าว

รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าวว่า การจัดการน้ำในอดีต ยุคต้นจะเห็นว่ายังไม่ได้ไปถึงเรื่องเกษตรกรรมเป็นสำคัญ แต่เป็นเรื่องของการจัดการพื้นที่และการเชื่อมโยงพื้นที่ระหว่างกัน เช่น การขยายขอบเขต หรือ การสร้างความเข้าใจต่อรัฐในพื้นที่โดยรอบ เช่น การตัดคลองลัดต่างๆ

“หนังสือเล่มนี้มีการเชื่อมโยงให้เห็นว่า กษัตริย์เข้ามาจัดการน้ำตั้งแต่ในชั้นต้นเชื่อมโยงกัน เช่น ล้านนา มีมังรายศาสตร์ พูดถึงเรื่องการจัดการน้ำและชลประทาน ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คือการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับรัฐ ให้มีข้าวปลาอาหาร ให้คนไม่ตีกัน ไม่ทะเลาะกัน ภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัด
ดังนั้น ชนชั้นปกครอง หรือ คนที่เป็นผู้ตัดสินอะไรบางอย่างให้สังคมนั้นๆ เช่น พระพุทธเจ้าเสด็จไปห้ามญาติที่ตีกันเพื่อแย่งน้ำไปทำการเกษตร เราจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นบทบาทหน้าที่ในแง่ของการจัดการ เพื่อจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ลงตัว” รศ.ดร.เกรียงไกรระบุ

รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดการสัญจรทางน้ำ เป็นแนวคิดของรัฐช่วงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 4- รัชกาลที่ 5 มีการพัฒนาพื้นที่จากอดีตที่ผ่านมา โดยสร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับความรู้จากตะวันตก เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ ทำให้ขอบเขตอำนาจรัฐเข้าไปถึงผ่านการสร้างเส้นทางสัญจรใหม่ที่เกิดขึ้น

“หนังสือเล่มนี้พูดถึงความสำคัญในช่วงเวลาต่างๆ ว่ารัฐในฐานะที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดในเวลานั้น เขาสนใจพื้นที่ตรงไหนและเข้าไปจัดการอะไร แล้วหลังจากนั้นมาเมื่อมีเส้นทางสัญจรแล้ว จะมีการปฏิรูปที่ดิน มีการวางผังเมืองใหม่ แต่ผังเมืองในยุคนั้นใช้เส้นทางสัญจร คือ คลอง เพื่อทำให้เกิดการลงขัน ลงแขกในการพัฒนาพื้นที่ขุดคลอง” รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าว

รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าวว่า หนังสือมีความน่าสนใจในมิติที่มองผ่านสายน้ำ โดยทำให้เห็นความชัดเจนว่า ยุคที่ทำการเกษตรกรรม เราใช้กุศโลบาย โดยไม่ได้มีเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ ก่อนรับวัฒนธรรมและความรู้จากตะวันตกเข้ามาแบบเต็มรูปแบบ โดยมีการชลประทานตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจหลังจากเกิดการขุดคลองรังสิต สร้างให้เกิดการผลิตข้าวครั้งใหญ่ เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง

รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าวอีกว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งรับวัฒนธรรมมาจากอินเดีย ทั้งวิธีคิด หรือ ระบบที่เอาเข้ามาจัดการโครงสร้างทางสังคม เพื่อควบคุมให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและควบคุมจากรัฐ เช่น งานศึกษาของ เจมส์ ซี. สก็อตต์ พูดถึงแนวคิดเรื่องรัฐจัดการชลประทานและบริหารน้ำ ซึ่งทำให้เกิดการสร้างระบบกลไกหลายอย่างจากการรับวัฒนธรรมอินเดีย เอามาจัดการให้เกิดความมั่งคั่งของรัฐ

“หนังสือเล่มนี้เป็นประโยชน์ต่อการมองพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ทำให้เห็นภาพประวัติศาสตร์สังคมจากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ และจะได้เห็นพลวัตการปรับตัวของชาติ การจัดการของพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทในการเกื้อกูลอำนวยสุขให้ประชาชนผ่านการบริหารจัดการบนความท้าทายของโลกสมัยใหม่ ที่เปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรม มาเป็นสังคมที่มีพัฒนาเศรษฐกิจอย่างซับซ้อนมากขึ้น ผมก็เชียร์ทุกท่านให้ได้เป็นเจ้าของ” รศ.ดร.เกรียงไกรกล่าวทิ้งท้าย