เชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ 76จว. เก็บมท. รอทำพิธีเสก 25 ก.ค. ร่วมบวชทั่วปท. 6,686 รูป เฉลิมพระเกียรติในหลวง

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงบรรยากาศพิธีเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดต่างๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้เดินทางเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มายังกระทรวงมหาดไทยครบถ้วนแล้วทั้ง 76 จังหวัดในเวลา 16.56 น. ทุกขั้นตอนดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ตนได้นำคณะผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ร่วมในพิธีเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัดทั่วประเทศมาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เป็นผู้เชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลได้ดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมอบหมายกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวม 107 แหล่ง และกรุงเทพมหานคร คือ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมจำนวน 108 แหล่ง

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจะมีพิธีเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 25 ก.ค.เวลา 07.00 น. เพื่อประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ตามฤกษ์เวลา 16.30 น.ในวันเดียวกัน ในพิธีนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์จากครอบสัมฤทธิ์ที่ได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ประมวลรวมกับน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากจังหวัดต่างๆ ลงในขันสาคร พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ หลั่งน้ำเทพมนตร์ลงในขันสาคร

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา จะตักน้ำพระพุทธมนต์จากขันสาคร โดยใช้ถ้วยศิลาจารึกอักษรพุทธคาถา รินลงในพระเต้าปทุมนิมิต ได้แก่ 1.พระเต้าปทุมนิมิตทอง 2.พระเต้าปทุมนิมิตนาก และ 3.พระเต้าปทุมนิมิตเงิน สำหรับใช้ในการทำพิธีเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 28 ก.ค.เวลา 06.00 น. เพื่อนําขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ต่อไป

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจัดโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 14 ก.ค. – 3 ส.ค.จำนวน 21 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดพิธีบรรพชาอุปสมบทตามโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยได้รับความเมตตาจากเจ้าคณะผู้ปกครอง จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ

“สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่บรรพชาอุปสมบท ในโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จะได้ปฏิบัติจิตตภาวนา ศึกษาพระธรรมวินัย และปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา และกิจกรรมจิตอาสา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปจนถึงวันที่ 2 ส.ค. และในวันที่ 3 ส.ค.จะเป็นพิธีมอบวุฒิบัตรแด่พระภิกษุสงฆ์ที่เข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท เฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถบรรพชาอุปสมบทฯ โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติตั้งแต่ 12 ก.ค. – 3 ส.ค.(รวม 23 วัน) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน พุทธศาสนิกชน ตลอดจนภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุสงฆ์ในโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.- 2 ส.ค.ณ วัดทุกวัดที่จัดโครงการบรรพชาอุปสมบท เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้โครงการบรรพชาอุปสมบทครั้งนี้ รวมพระภิกษุสงฆ์ 6,686 รูป